วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Kept going back, Henri Matisse





ภาพที่ 1
ภาพวาด
Odalisca con
Magnolia
ในปี
1913
ภาพที่ 2 ภาพวาดฺ
Bathers by a River
ในปี
1913
ภาพที่ 3 ภาพถ่ายของเฮนรี่ มาธิส

ราวๆ ปี 1913 ดูเหมือนว่าผลงานของ Henri Matisse อยู่ในช่วงจุดสูงสุด กลางทศวรรษที่ 40 เขาเป็นนักวาดภาพชั้นยอด--ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล สตาร์ ทั้งๆ ที่ นักวิจารณ์ชาวอเมริกันประกาศว่า งานของเขาเป็นฉลากงานแบบโมเดิร์นนิสต์ที่ใช้พื้นผิวหนาเข้มสร้างความรู้สึกหนักๆ หรือตลกขบขัน ค่อนข้างหยาบคาย มาธิสวาดภาพผู้หญิงเปลือยอกไม่น่าดูชม


หลังจากที่ลมพัดหวนจากโมร็อกโกมาปารีส ในฤดูใบไม้ผลิปี 1913 เขาเริ่มต้นวาดรูปซึ่งเป็นรูปที่ดูง่ายกว่าและมีมิติมากกว่างานสีสันหนาเข้ม รูปภาพใต้ผืนผ้าใบผ้าใบมีการเติมแสงอาทิตย์ หลังจากนั้น ก็กลายเป็นผลงานลายเช็นของเขา เป็นเวลาเดียวกันกับที่เริ่มผันตัวเองมาเป็นพวกคิวบิสซึ่ม ซึ่งคนกลุ่มนี้รายล้อมไปด้วยศิลปินหนุ่มสาวผู้รักอิสระเสรี เช่น ฮวน กริส, จอร์จ บ๊าค แน่นอนที่สุดต้องมี พาโบล ปิกัสโซ่ ผู้ซึ่งมาธิสเริ่มพบปะพูดคุยมากครั้งในระหว่างหลายปีนั้น
ขณะที่เขาชื่นชมนวตกรรมแบบคิวบิสซึ่ม มาธิสเริ่มสงสัยว่างานเหล่านั้นเป็นการเน้นย้ำถึงการเป็นปัญญาชนฤา ในเวลาเดียวกันนั้น เขาชื่นชมผลงานของปอล เซซาน เช่นกัน--โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการวางคอมโพสอย่างระมัดระวัง ในขณะที่มาธิสเริ่มใคร่ครวญอีกครั้งถึงวิธีการทำงานของตัวเองและความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างงานศิลปะ
หลายปีผ่านไป พิสูจน์ว่า เป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมาธิส ด้วยชีวิตในปารีสที่ยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเริ่มทดลองวาดภาพจากแสงเงาธรรมชาติ ด้วยสีดำและเทา รวมทั้งรูปร่างพื้นผิวเป็นเหลี่ยมเป็นมุม (geometric) และการวางคอมโพสธรรมดาไร้การตกแต่งให้น่าดูชม โดยปี 1917 เขาย้ายมาที่เมืองนีซและเผยโฉมใหม่อีกครั้งในฐานะนักวาดรูปที่ละทิ้งวิธีกระบวนการแบบคิวบิสซึ่มและรับสไตล์ที่ใกล้เคียงกับศิลปะอิมเพรสชั่นนิสต์ วาดภาพผู้หญิงด้วยเส้นสีเงาเบาบางผู้แวดล้อมด้วยข้าวของการตกแต่งภายในแบบบ้านเล็กในชนบท ภาพวาดผ้าใบทั้งหมดค่อนข้างโรแมนติก ทำลายสิ่งทีดูหนักๆ ทันสมัยมากกว่าและเป็นสายตาที่ย่อย่อยมาแล้ว (หรืองานที่เรียกว่าแบบคิวบิสต์ซึ่มนั่นเอง) หมดสิ้น
แม้ว่านักประวัติศาสตร์ศิลปะวิจัยกรเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลา โดยศึกษากระบวนการวาดภาพแบบตัวต่อตัว จากที่พวกเขาไม่มีความคิดเห็นชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงถูกพัฒนาอย่างไร มีการทดลองกี่ครั้งกว่าไปสู่ผลงานใหม่ๆ และอะไรคือรูปแบบสามัญที่ศึกษา การทบทวนงานเก่าๆ หรือการปฏิเสธการเข้าไปมีส่วนร่วมของที่มีอยู่แล้ว


ปัจจุบัน, เรื่องเร้นลับถูกหาคำตอบอย่างกว้างขวาง "Matisse :Radical Invention, 1913-1917" ขณะนี้นิทรรศการเปิดแสดงที่ Museum of Modern Art การแสดงครั้งนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เพื่อมองงานของมาธิส ให้เห็นการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงว่า เดินทางมาถึงปัจจุบันได้อย่างไร งานหลายแหล่ผ่านการตรวจสอบจากนักวิจัยประวัติศาสตร์ศิลป์โดยกระบวนการตรวจสอบด้วยเทคนิคภาพนิวดิจิตอล สแกนเลเซอร์ การให้ภาพให้สีแบบอัลตร้าไวโอเลตและชอล์ฟแวร์ คอมพิวเตอร์อันทันสมัย ทดลองตัววอย่างการวาดภาพให้สีและศึกษาวัตถุใหม่หลายต่อหลายครั้ง
นับว่าแวดวงภัณฑารักษ์ก็มีพัฒนาการการสืบวิเคราะห์ ศึกษากระบวนงานของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง ผลงานศิลปะล้ำหน้า งานวิจัยก็ก้าวตาม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น