วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Piet Mondrian




ภาพแรก--เป็นภาพการวางสีเหลือง น้ำเงินและแดง (1937-1942) ผลงานซิกเนเจอร์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปะในยุคถัดไป รวมทั้งดีไซเนอร์และนักโฆษณา แสดงงานที่ Tate Modern และที่ Trafalger Aquare (1939-1943) ที่โมม่า นิวยอร์ก
งานนิทรรศการของ De Stijl และ Piet Mondrian เปิดแสดงในเดือนธันวาคม 2010 ที่ปอมปิดู เซ็นเตอร์ ...ปารีส


เปียต์ มงเดรน ศิลปินชาวดัตช์ เสียชีวิตในนิวยอร์กเมื่อปี 1944 รวมอายุได้ 72 ปี ผลงานของเขาถูกจัดให้เป็นงานแอ๊บสแทร๊คไร้ซึ่งการประนีประนอม ถูกยกย่องให้เป็นยอดของศิลปะอาวองการ์ด มีชื่อเสียงทั้งในยุโรปและอเมริกา ภาพวาดที่จุดพลุชื่อเสียงของเขา วาดขึ้นเมื่อปี 1922 จากคอลเล็กชั่นของอีฟ แซงต์ โลรองต์ อย่างไรก็ตาม สองปีที่มงเดรนอาศัยในลอนดอน (1938-1940) ถูกกล่าวถึงน้อยนัก ช่วงที่รู้ดีว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในเมืองหลวง อาศัยอยู่ท่ามกลางศิลปินยิ่งใหญ่และสถาปนิกผู้มีชื่อ กลับถูกมองข้าม ปราชญ์ทั้งหลายให้ทัศนคติว่า ช่วงเวลานั้น เขาไม่สามารถผลิตงานอะไรได้เลย และเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ทุกข์ทรน่าอเนจอนาถ ทว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว มงเดรนวุ่นวายกับการสร้างผลงานภาพวาดชิ้นใหม่ ปฏิสังคมกับเพื่อนใหม่ รวมทั้งพัฒนาแรงกระเหี้ยนกระหือรือ (Passion) ส่วนตัวสำหรับวอลต์ ดิสนีย์




เขาจากปารีสมาลอนดอนเมื่อกันยายน 1938 พร้อมเพื่อนและศิลปินผู้ติดตาม (Winifred Nicholson) การอพยพครั้งแรกเพื่อความปลอดภัยจากการบุกรุกของเยอรมัน ด้วยความช่วยเหลือของศิลปิน--นวม กาโบ และ เบน นิโคลสัน พำนักที่แฟลตแฮมป์สเต็ด รับเฟอร์นิเจอร์และเสื้อผ้า (ซึ่งรวมทั้งรองเท้าแตะ) จากน้ำใจของกาโบ ในเวลาไม่นาน เขาเปลี่ยนพื้นที่พักอาศัยเดิมๆ กลายเป็นพื้นที่สไตล์ของเขาเอง ทาสีกำแพงสีน้ำตาล ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมินิมัล สีขาวสว่าง "ด้วยลายตารางแปลกๆ สีแดง" ราวกับว่าสร้างสรรค์ 3D




ที่นี่นี่เองที่เขาทำงานชนิดยากๆ ต้องใช้ความพยายามและความระมัดระวังอย่างสูงบนผืนผ้าใบผืนใหม่ "ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง" ถนนสายกว้างๆ ร้างผู้คน แต่ละช่วงตึกแน่นขนัดไปด้วยอาคารที่พักอาศัยที่น่าตื่นตาตื่นใจในเบลไซส์ พาร์ก และ แฮมป์สเต็ด รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ เช่น ทาวเว่อร์ ออฟ ลอนดอน เขาส่งโปสการ์ดรูปภาพสถานที่ใหม่ๆ ไปให้น้องชาย--คาเรล บอกเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พูดถึงความเป็นไปในเมืองใหม่ของเขา รวมทั้งความอยากรู้อยากเห็นในงานสถาปัตยกรรม มงเดรนส่งโปสการ์ดไร้คาแร๊กเตอร์ที่ขึงขังจริงจังถึงน้องชายหลายแผ่น ในนั้นมีโปสการ์ดสโนว์ ไวต์ ของดิสนีย์ (เขาส่งให้น้องชายในปารีส ต้นๆ ปี 1938) มันแสดงให้เห็นถึงมุมสบาย น่ารักๆ ของเขา เขาเขียนว่า "เจ้าของที่ดินมีห้องของฉัน ทำความสะอาดโดยสโนว์ ไวต์ และกระรอกน้อยที่ใช้หางของมันทาสีขาวให้กำแพง" ลงชื่อว่า "สลีปี้" เขาเรียกคาแรล (หนึ่งในตัวการ์ตูนคนแคระ) ว่า "สนีซี่" โปสการ์ดอีกแผ่นเขียว่า "คนแคระไม่มีเวลาช่วยฉัน แต่ส่งกระรอกน้อยหลายตัวและเหล่านกมา" --เขาอ้างอิงถึงเหล่าศิลปินผู้ช่วยเหลือเขา เขาไม่เคยกล่าวถึงแพสชั่นแปลกๆ --สโนว์ ไวต์ ถึงบรรดาเพื่อนๆ ที่ลอนดอน แต่ก็มีที่เขาเขียนว่า "แผ่นเสียงที่เป็นดนตรีของแคระและค่อนข้างเปิดมันบ่อยครั้ง" นอกจากนั้น เขายังบอกน้องชายว่า เขาเห็นผลงานปลาสเตอร์-สวนจำลอง-ในร้านค้าในลอนดอน




รูปทรงที่มีสีสันจัดจ้านให้ความสดใส ไม่ใช่แค่ความสนใจทางสายตา ซึ่งมงเดรนนำไปใช้ในภาพวาด เขายังหลงใหลรองเท้าผู้หญิง ยิ่งสีสว่างสดใส ยิ่งดี โจน และ โรบิน โอดีย์ ผู้อาศัยใกล้ๆ กลายเป็นเพื่อนของศิลปินมงเดรน โจน จำได้ว่า หลายๆ ย่ำเย็นกับชายแก่ที่รัก มงเดรนตกเป็นพยานที่งานแต่งงาน กรกฎาคม ปี 1940 ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของมงเดรนเป็นที่น่าจับตามอง บ่อยครั้งเขาเริงร่ากับเหล่าเพื่อนหญิง ไปซื้อเสื้อสม็อกที่ใช้ใส่วาดรูปกับมาเรียม กาโบ (ภรรยาของนวม) และเต้นรำกับเพ็กกี้ การ์ดิเนอร์ และเวอร์จิเนีย เพพส์เนอร์ ในคลับ ลอนดอน แจ๊ส รู้กันโดยทั่วว่า เขารักดนตรีแจ๊สและการเต้นรำ ทว่า มาเรียม กาโบ บอกว่า "มงเดรนเต้นรำได้ยอดแย่ เวอร์จิเนียเกลียดและฉันก็เกลียด พวกเราต้องวนไปเต้นกับเขาอยู่ดี" ในขณะที่ถ้าเป็นเรื่องศิลปะ มงเดรนชอบถกเถียงกับเพื่อนชายมากกว่า เพื่อนชายที่สนิทที่สุดชื่อ จอห์น เซเซีล สตีเฟน อาศัยอยู่ใกล้ๆเขา ที่มอลล์ สตูดิโอส์ สตีเฟนสันผลักดันให้มงเดรนเข้าเมืองบ่อยครั้ง รวมทั้งพบกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับศิลปะ ดังนั้น สิ่งที่มงเดรนปฏิบัติบ่อยครั้งคือ การเยี่ยมชมสถานที่ในเมือง ดูงานนิทรรศการและพบเพื่อนๆ




ในช่วงเวลาสั้นๆ มงเดรนถูกขอให้แสดงผลงานในลอนดอน แกลลอรี แสดงผลงานวาดภาพบ่อยครั้ง รวมทั้งแกลลอรีจำเป็น (เปิดแกลลอรีเพื่อแสดงผลงานในช่วงสั้นๆ) ของ Guggenheim บนถนนคอร์ก แม้ว่าเขาประสบความสำเร็จ โจน โอดีย์ จำได้ว่า มงเดรนกลัวการรุกรานของนาซีเหนือสิ่งอื่นใด เขามีเหตุผล : งานของเขาสองชิ้นแสดงใน Hitler's Degenerate Art Exihibition ในปี 1937 แล้วมงเดรนก็ถูกโยนเข้าไปอยู่ในบัญชีดำ เขาเขียนถึงเพื่อนว่า "อันตรายที่น่ากลัวของพวกเราคืองาน บางทีนาซีอาจจะมา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น?" เขาบอกสตีเฟนสันว่าเขา "หมายหัวตัวเองว่าเป็นนักโทษ" ทว่า เมื่อปี 1940 เยอรมนีรุกรานเนเธอแลนด์ เมืองที่สองพี่น้องอาศัย




แล้ววันหนึ่ง เรื่องร้ายๆ ก็ขับเขาออกจากลอนดอน ในฤดูร้อนปี 1940 มงเดรนดำเนินเรื่องขอวีซ่าอเมริกัน และเดินทางไปนิวยอร์ก ทว่า การดำเนินงานชะงัดงัน ในเวลาที่กองกำลังทหารเริ่มโจมตีลอนดอน ในวันที่ 7 กันยายน ลูกระเบิดก้อนหนึ่ง เกือบฆ่าเขา ขณะที่นั่งอยู่ในห้องนอน หลังจากที่ลอนดอนถูกโจมตีโดยระเบิดอย่างรุนแรงผ่านไปหลายอาทิตย์ โรบิน โอดีย์ ส่งเขาไปที่ลิเวอร์พูล ที่ที่ซึ่งมงเดรนสามารถลงเรือล่องข้ามมหาสมุทรเพื่อสร้างชีวิตใหม่ในนิวยอร์ก ดูเหมือนว่า เขายังคงทำงานวาดภาพอย่างต่อเนื่อง รับแรงบันดาลใจจากเมืองที่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน ผลงานที่สร้างชื่อเสียงที่สุดคือ Broadway Boogie-Woogie (1942-1943) สร้างจากงานที่เขาริเริ่มที่ลอนดอน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น